ทำไมต้องกลับมาอ่าน ลาม็องต์ ของมาร์เกอริต ดูราส ใหม่อีกครั้ง?
.
(บทความโดย เทียรี่ โคลเดล)
.
เมื่อผมอ่าน ลาม็องต์ ตอนที่ตีพิมพ์ออกมาในปี 1984 ผมไม่ชอบมันเลย ตอนนั้นผมยังแรกรุ่นอยู่ ผมเป็นนักอ่านตัวยงของดูราส ผมอ่านหนังสือของเธอแทบทุกเล่ม ทั้งเล่มต้นๆ ทั้งเล่มที่อ่านยากที่สุด เข้าใจยากที่สุด จะว่าไป เหมือนเธอเป็นของผมคนเดียว ในความหมายที่ว่า ผมรู้สึกว่าเป็นคนเดียว คนเดียวที่อ่าน และสายสัมพันธ์ระหว่างผมกับหนังสือของเธอก็พิเศษไม่เหมือนใคร ผมยอมแบ่งปันสายสัมพันธ์นี้กับผู้อ่านคนอื่นๆ ในเงื่อนไขว่า จำนวนผู้อ่านเหล่านั้นต้องไม่ล้นเกินควร พวกเราเป็นผู้ได้รับเลือก เธอเป็นของพวกเรา
.
ดังนั้น พอนวนิยายเรื่องนี้ปรากฏออกมา และประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็วแทบไม่น่าเชื่อ ก่อนจะได้รางวัลกงกูรต์เสียด้วยซ้ำ ผมจึงรู้สึกเหมือนโดนทรยศ ผมมีอาการของคนอ่านขี้หวงที่พลันเห็นว่าหนึ่งในนักเขียนที่ตนชื่นชอบได้กลายมาเป็นนักเขียนที่มีชื่อ มีคนอ่านกว้างขวาง ผมรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างรุนแรงเหมือนโดนหักอก
.
ผมตกอยู่ในสภาพดังกล่าวเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ในครั้งนั้น ผิดหวัง ถูกทอดทิ้ง ผมเห็นว่ามันจืดชืด ฉาบฉวย เอาตัวละครและประเด็นที่ร้อยเรียงได้อย่างวิเศษสุดในหนังสือก่อนหน้านั้นมาเขียนใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เขื่อนกั้นแปซิฟิก (Un barrage contre le Pacifique) หรือ ท่านรองกงสุล (Le Vice-Consul) ผมรู้สึกเหมือนว่าดูราสเขียนซ้ำโดยยอมลดระดับ ยอมฉาบฉวย เพื่อเข้าถึงสาธารณชนวงกว้างที่ไม่เรียกร้องอะไรมากเท่าผม
.
ช่วงหลายปีต่อจากนั้น ดูราสยังคงเขียนหนังสือ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ ยังคงพูดจาอะไรก็ไม่รู้ในบางครั้ง พอค่อยๆ ตกไปในกลเกมของบรรดาสื่อทั้งหลาย ดูราสคนดังก็เข้ามาแทนที่ประพันธกร ผมติดตามอะไรทั้งหลายเหล่านี้อย่างเจ็บปวดใจ แต่ยังคงอ่านหนังสือที่เธอตีพิมพ์ออกมา
.
แล้วเธอก็ตาย ความตายของเธอทำให้ผมหวนมายังหนังสือทั้งหลายของเธออีกหน กลับมาอ่านมันทั้งหมด เธอจากไปแล้ว หลงเหลืออยู่แค่ตัวบทของเธอ ผมเริ่มด้วยการอ่านซ้ำบรรดาเล่มที่ผมชอบมากกว่าเล่มอื่นและที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
.
แล้ววันหนึ่งผมก็อ่าน ลาม็องต์ ใหม่อีกหน ด้วยความกริ่งเกรง
.
หน้าปกสีขาวสวยเรียบง่ายออกตุ่นเหลืองไปบ้างแล้ว หน้ากระดาษก็ดูทรุดโทรม แต่ประโยคแรกนี่สิ “วันหนึ่งตอนที่ฉันอายุมากแล้ว ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันตรงโถงของสถานที่สาธารณะแห่งหนึ่ง” ประโยคแรกนี้ ผมไม่รู้ว่าทำไม มันไม่ใช่ประโยคที่สวยที่สุด มีพลังที่สุด หรือมีมนต์เสน่ห์ที่สุดในจำนวนประโยคเริ่มต้นของนวนิยายทั้งหลาย ประโยคแรกมันกลับเร่งจังหวะหัวใจของผมให้เร็วขึ้น ผมเห็นว่าตนเองกำลังจับหนังสือไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
.
ผมวางมันไม่ลง เป็นโมงยามแห่งความฉงนฉงาย เป็นการหวนมาพบกันอีกครั้งด้วยความยินดีปรีดา
.
แล้วผมจึงเห็นถึงความโง่งมของตน การสำคัญตนผิด การถือดีของตน คำตัดสินงี่เง่าของตนแต่ก่อนโน้น ความไม่สุจริตใจใหญ่หลวง ผมเป็นไอ้งั่งจริงๆ ในตอนนั้น เป็นนักอ่านรุ่นกระเตาะที่มืดบอดเพราะความเขลาของตน ทึกทัก ลาม็องต์ ซึ่งเป็นอัญมณีสีดำ ว่าคือลูกปัดธรรมดา
.
เมื่ออ่านจบ ผมถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
.
นับแต่นั้นมา คงนับครั้งไม่ถ้วนกระมังที่ผมหวนมาพบเด็กสาววัยสิบห้า เท้าข้อศอกอยู่ตรงราวเรือข้ามฟากแม่น้ำโขง แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยหมวกผู้ชายปีกกว้าง สวมรองเท้าส้นสูงเลื่อมทอง เห็นร่างที่แทบจะยังเด็กอยู่เลือนรางภายใต้ชุดกระโปรงที่บางเกินไป คงนับครั้งไม่ถ้วนกระมังที่ผมล่องไปกับเธอตามกระแสเรื่องราวความรักนี้ เรื่องของพี่น้อง ความร้อนระอุ เรื่องไกลโพ้น เรื่องการเขียน ความบ้า และความตาย ผมบอกไม่ได้เหมือนกันว่ากี่ครั้งกี่คราว แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือว่า แต่ละครั้งที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมเห็นประกายสะท้อนแตกต่างไปจากที่ผมเคยมีในความทรงจำ ราวกับมันมีหลากเหลี่ยมมุมแบบเพชรที่เจียระไนแล้ว แต่ละเหลี่ยมเพชรส่องเป็นประกายเจิดจ้า และพิสดารเท่าๆ กันหมด แต่ใหม่และแตกต่างกัน
.
เรื่องราวของวัยเด็ก เรื่องราวของอาณานิคมที่หายไปแล้ว เรื่องราวของการเรียนรู้รัก - ในวรรณกรรมของเรา จะมีเรื่องอะไรที่สวยงามไปกว่าเรื่องราวของรักครั้งแรกอยู่อีกหรือ – เรื่องของครอบครัว ความบ้าในครอบครัว เรื่องราวทางสังคม เรื่องของกำเนิดนักเขียนหญิง เรื่องของวัยชราที่เพ่งมองสมัยหนุ่มสาวที่ห่างไกลมาแล้วอย่างละเอียดลออ เรื่องของกายและฟากฟ้า เรื่องราวความแปลกถิ่น ลาม็องต์ เป็นทั้งหมดนั้น และเป็นมากกว่านั้นในแต่ละครั้งที่ผมอ่านและอ่านซ้ำใหม่ ไม่ว่าจะอ่านที่ไหน และในช่วงวัยต่างๆ ของผม
.
แล้วก็ เหนือสิ่งอื่นใดคือมีเสียงดนตรีอยู่ในนั้น เสียงสุดบรรเจิดของลาดูราส ผมขออนุญาตเรียกเธอเช่นนี้เหมือนที่เราเรียกบรรดาดิวาทั้งหลาย บ่อยครั้งในผลงานของเธอ โดยเฉพาะในเล่มนี้มากกว่าเล่มไหนๆ จะมีเสียงดนตรี เสียงของเธอที่ไม่เหมือนใคร แต่ละประโยคดังขึ้นเหมือนโน้ตเพลง แต่ละหน้าประพันธ์ด้วยท่วงทำนองที่กลมกลืนไพเราะ หรือแปล่งแปลกแตกต่างกัน หนังสือก็จะกลายเป็นโน้ตดนตรีที่บรรเลงให้ฟัง หรือให้ใจสัมผัส บรรเลงให้ทุกๆ ผัสสะรับรู้ ฉับพลันเสียงดนตรีที่ว่านี้ เสียงพูดดังกล่าวนี้ ก็แปลงเปลี่ยนเป็นเนื้อหนัง กลิ่น ทิวทัศน์ สัมผัสลูบไล้ โอบกอด ขยาดกลัว ทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกันและอย่างน่าตะลึงพรึงเพริด
.
ลาม็องต์ ไม่ใช่อะไรเล็กน้อยที่ปลิ้นปล้อนประดิษฐ์ขึ้นมา หรือเขียนขึ้นมาเพื่อเอาใจผู้อ่าน เหมือนที่ผมเคยเชื่อเช่นนั้นตอนอายุยี่สิบสอง มันเป็นหนังสือเล่มลำคัญของหนึ่งในบรรดานักประพันธ์หญิง ดูราสคุ้ยค้นทั้งอดีตทั้งปัจจุบันขึ้นมาใหม่ สามารถถอดถ่ายออกมาเป็นคำทั้งช่วงเวลาครั้งยังเยาว์ ความทุกข์ยากลำบาก ความเร่งด่วนที่ต้องเขียน ไหวพริบสติปัญญา รวมทั้งความบ้า นี่คือหนังสือเล่มสำคัญที่ว่าด้วยเรื่องความปรารถนาและความตาย ความยุ่งยากลำบากและความคาดหวัง ความงดงามและการทำลายความงดงาม ความรักและสิ่งตรงข้ามที่ไม่ใช่ความเกลียดชัง แต่คือการสูญเสียรักนั้นไป สูญเสียไปอย่างถาวรและประเมินค่าไม่ได้ ไม่มีวันทำใจได้ และอาจทำให้เราเกลียดความรักไปเลย แต่ไม่มีวัน ไม่มีวัน จะไม่มีวันเกลียดลาม็องต์
------------------------------------------------------
แปลจากภาษาฝรั่งเศสโดย สายัณห์ แดงกลม (Thierry Claudel, “Pourquoi il faut relire L’Amant de Marguerite Duras,” lefigaro.fr, 20 mai 2022)
.
ขอขอบคุณผู้เขียนที่อนุญาตให้แปลบทความ
.
เทียรี่ โคลเดล เป็นนักประพันธ์และผู้กำกับภาพยนตร์ ปัจจุบันคือหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณารางวัลกงกูรต์
------------------------------------------------------
· เครดิตภาพถ่ายดูราสโดย Hélène Bamberger
· เครดิตภาพใบปิดภาพยนตร์ The Lover (1992) กำกับโดย Jean-Jacques Annaud
------------------------------------------------------
ลาม็องต์ (L'amant)
แก้วเก้า คุปตารักษ์ : แปลจากภาษาฝรั่งเศส
สายัณห์ แดงกลม : บรรณาธิการแปล
กิตติพล สรัคคานนท์ : ออกแบบปก
มีวางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไทย
พร้อมกับอีกเล่มสำคัญที่แนะนำให้อ่านเป็นคู่ ได้แก่
.
เขื่อนกั้นแปซิฟิก (Un barrage contre le Pacifique)
อำพรรณ โอตระกูล : แปลจากภาษาฝรั่งเศส
กิตติพล สรัคคานนท์ : ออกแบบปก
.
เมื่อลองสำรวจนวนิยายของมาร์เกอริต ดูราส ที่ได้รับการจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยในรอบ 12 ปี คือตั้งแต่ 2555-2566 พบว่ามีทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่
1 โรคแห่งความตาย (La Maladie de la mort) ปี 2555
2 ชู้รักอังกฤษ (L’amante anglaise) ปี 2558
3 โมเดราโต กันตาบิเล (Moderato cantabile) ปี 2560
4 เขื่อนกั้นแปซิฟิก (Un barrage contre le Pacifique) ปี 2566
5 ลาม็องต์ (L'amant) ปี 2566